ถ้าพูดถึงผิวสุขภาพดี ผิวสุขภาพดีในอุดมคติ คือ ผิวที่ดูมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่ง อิ่มเอิบ ชุ่มชื้นอยู่เสมอ การมีผิวสุขภาพดี จึงหมายถึงการมีบาลานซ์ของผิวที่เหมาะสม เช่น บาลานซ์ของน้ำมันบนผิวและความชุ่มชื่นนั่นเอง
การแบ่งผิวที่เราคุ้นเคย เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม เราแบ่งจากน้ำมันบนผิวไม่ได้แบ่งจากระดับความชุ่มชื้นของผิว
ถ้ามีน้ำมันมาก คือ ผิวมัน
มีน้ำมันน้อย คือ ผิวแห้ง
มีจุดที่แห้งและจุดที่มันผสมกัน ผิวผสม
ผิวที่ขาดน้ำ คือผิวที่มีปริมาณน้ำในผิวชั้นกำหน้าน้อย
ถ้าเรามีน้ำในผิวปริมาณน้อยเมื่อไหร่เราสามารถกลายเป็นผิวขาดน้ำได้ ไม่ว่าจะผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม มีโอกาสที่ผิวจะขาดน้ำได้
ผิวขาดน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพผิวที่สาว ๆ อาจเป็นกันได้บ่อย ๆ แถมถ้าเป็นแล้วก็อาจจะเป็นสาเหตุหลัก ๆ ให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้อีกด้วย เช่น ผิวคล้ำ ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะคะสาว ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด ! เพราะถ้าหากปล่อยให้เป็นปัญหาเรื้อรัง อาจจะทำให้ผิวของคุณเสียจนยากที่จะฟื้นฟูให้กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้งได้ แต่ทั้งนี้อาการของโรคผิวขาดน้ำจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับอาการผิวแห้ง แต่ต่างกันตรงที่ผิวจะมันและแห้งไม่เป็นเวลา อันเนื่องมาจากผิวของเราขาดสารหล่อเลี้ยงที่สำคัญอย่างน้ำนั่นเอง
สำหรับปัจจัยหลัก ๆ ที่จะทำให้สาว ๆ เป็นโรคผิวขาดน้ำนั้น ได้แก่ ดื่มน้ำน้อย รวมถึงต้องเผชิญกับแสงแดดแรง ๆ ทุกวัน จึงทำให้ร่างกายขาดน้ำส่งผลให้เกิดอาการผิวแห้งอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้สาว ๆ ที่อยู่ในห้องแอร์นาน ๆ ก็สามารถทำให้ผิวขาดน้ำได้เช่นกัน เพราะอากาศเย็นและแห้งนั้นจะทำให้ความชื้นในอากาศลดลง จนอาจจะก่อให้เกิดอาการผิวขาดน้ำได้ แต่ทั้งนี้หลายคนอาจจะกำลังสงสัยอยู่ว่า... แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผิวของเรากำลังขาดน้ำอยู่หรือเปล่า ? คำตอบก็ง่าย ๆ เลยค่ะ ลองมาเช็กสัญญาณต่อไปนี้กันเลย
อาการของผิวขาดน้ำ สามารถสังเกตได้จาก...
โดยเฉพาะคนที่มีผิวมันต้องระวังไว้ เราอาจจะรู้สึกว่าหน้ามันดูเยิ้มมาก แต่จริงๆแล้วใต้ผิวเราขาดน้ำ สังเกตุได้จะมีช่วงที่เราหน้ามันเพิ่มขึ้นมากๆ เมื่อผิวเราขาดน้ำขาดความชุ่มชื่น กลไกลร่างกายเราจะยิ่งผลิตน้ำมันออกมาเพื่อเคลือบผิวด้านบนไว้ไม่ให้น้ำระเหยออก เราเลยจะรู้สึกว่าหน้าเรา ดูมันเยิ้มมาก
แต่ผิวจะดูไม่เฟรช ดูไม่สดชื่น ก็จะทำให้บาลานซ์ของผิวเสียไปเรื่อยๆ และในช่วงที่ผิวมันมากกว่าปกติก็จะเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ง่ายยิ่งขึ้น
เดี๋ยวผิวแห้ง เดี๋ยวผิวมัน อาจจะเกิดได้ในระยะเวลาอันสั้นกลับไปกลับมา หรือบางคนอาจจะหน้าแห้งลอกทั้งที่หน้ามัน
แต่งหน้าไม่ติด เครื่องสำอางอยู่ไม่ทน ทาครีมไม่ค่อยซึม และรองพื้นที่หน้าแล้วเป็นขุย ๆ จุดนี้แม้จะคล้ายกับอาการผิวแห้ง แต่จะแตกต่างกันตรงที่ผิวแห้งการดูดซึมก็ยังเป็นไปตามปกติ ยังสามารถเกลี่ยเครื่องสำอางและครีมบำรุงได้ง่าย แต่ผิวขาดน้ำผิวจะไม่ดูดซึมเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นได้เลย
ผิวหน้าอิดโรยและไม่สดใส ผิวขาดน้ำจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวจะดูแห้ง และดูหยาบกร้านขึ้น เวลาสัมผัสที่บริเวณผิวจะรู้ทันทีว่าผิวจะไม่นุ่ม หรือไม่กระชับเช่นเคย
คนที่ผิวขาดน้ำมาก ๆ อาจจะเกิดผื่นแพ้ ผิวแดงเป็นจ้ำ ผิวอักเสบ และเกิดอาการแพ้ง่ายได้ เนื่องจากโครงสร้างผิวกำลังขาดความยืดหยุ่น
วิธีเติมเต็มผิวเพื่อแก้ไขอาการผิวขาดน้ำ สามารถทำได้ดังนี้
ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ เพราะเนื่องจากผิวของเราขาดน้ำ เราก็เพียงแค่เติมเต็มน้ำให้กับผิวด้วยการดื่มน้ำมาก ๆ โดยให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว หรือประมาณ 1.5 ลิตรทุกวัน นอกจากจะช่วยรักษาอาการผิวขาดน้ำได้แล้ว ยังจะทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นขึ้นอีกด้วย
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนคือยารักษาโรคที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เนื่องจากร่างกายเรานั้นจะฟื้นฟูตัวซ่อมแซมส่วนที่สึกในช่วงที่เรานอน ส่งผลทำให้ผิวฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมน้ำให้กับผิว เช่น โทนเนอร์ ครีม หรือเจลตระกูล Hydration หรือ Aloe vera ซึ่งอาจจะใช้ควบคู่กับครีมบำรุงที่มีอยู่ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น กักเก็บน้ำได้ดี และล็อคผิวไม่ให้ถูกอากาศดูดความชุ่มชื้นออกไป ผลคือผิวก็จะชุ่มชื้นขึ้น ดูอิ่มน้ำ และมีสุขภาพดีขึ้น
สำหรับสาว ๆ ที่กำลังมีปัญหาผิวขาดน้ำก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะอาการแบบนี้สามารถรักษาได้ เพียงแค่ทำตามวิธีที่เราแนะนำไป และดูแลเอาใจใส่ผิวให้มากขึ้น เพียงแค่นี้คุณสาว ๆ ก็จะกลับมามีผิวสุขภาพดีและเนียนนุ่มชุ่มชื้นอีกครั้งได้อย่างแน่นอนค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น